รายงานผลการดำเนินกิจกรรมโครงการ สานสายใย สุขใจ ไทย-ลาว สองฝั่งโขง

img_0586    ภาพ กิจกรรมเพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องอนามัยเจริญพันธุ์

img_0536   ภาพ ผู้อำนวยการ รพ.สต. นาแวง กล่าวรายงานความเป็นมาต่อนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนาแวง

ความเป็นมาของการดำเนินโครงการ

ด้วยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานีร่วมกับศูนย์ศึกษานโยบายสาธารณสุขสวัสดิการและสังคม คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และมูลนิธิเพื่อสุขภาพและการแบ่งปัน (มสป.) ร่วมกันดำเนินงานโครงการวิจัยเรื่อง โครงการการพัฒนาเครือข่ายการดูแลและส่งเสริมสุขภาพอนามัยเจริญพันธุ์และสุขภาวะทางเพศ (SRH) ของแรงงานหญิงลาว ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนทุนการทำวิจัยจากสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินกิจกรรมในพื้นที่อำเภอสิรินธร อำเภอโขงเจียม อำเภอบุณฑริก อำเภอนาตาลและอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ระยะเวลาในการดำเนินการตั้งแต่เมษายน ๒๕๕๘- กันยายน ๒๕๕๙           โดยในพื้นที่อำเภอเขมราฐ ได้พัฒนาโครงการสานสายใย สุขใจ ไทย-ลาว สองฝั่งโขง  และดำเนินกิจกรรมในกลุ่มแรงงานหญิงลาวที่อาศัยอยู่ในชุมชน

แรงงานหญิงลาวในชุมชนนั้นเป็นกลุ่มที่อาศัยอยู่ในชุมชนมานาน บางส่วนประกอบอาชีพเกษตรกรรม รับจ้าง แรงงานในส่วนนี้มีครอบครัวและตั้งรกรากอยู่ในเมืองไทย บางส่วนก็มีสามีเป็นคนไทย แต่สำหรับแรงงานหญิงลาวในส่วนนี้ยังไม่มีการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งแรงงานกลุ่มนี้ยังมีความต้องการเรื่องความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับ         อนามัยเจริญพันธุ์ และสุขภาวะทางเพศ และการเข้าถึงข้อมูล/สื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน สิทธิอนามัยเจริญพันธุ์และช่องทางการเข้าถึงสิทธิต่างๆ ดังนั้นคณะทำงานอนามัยเจริญพันธ์อำเภอเขมราฐ จึงได้จัดทำโครงการสานสายใย สุขใจ ไทย-ลาว สองฝั่งโขง ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
  2. เพื่อเสริมสร้างความรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนและสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์
  3. เพื่อเสริมสร้างให้แรงงานรู้จักหน้าที่ความเป็นพลเมืองที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
  4. เพื่อสร้างเครือข่ายคณะทำงานด้านสุขภาพของแรงงานหญิงลาว
  5. เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

พื้นที่ดำเนินการ  อำเภอเขมราฐ (ตำบลเขมราฐ, ตำบลนาแวง, ตำบลหัวนา)

กิจกรรมได้แก่

  1. ประชุมคณะทำงาน
  2. การจัดทำ case management
  3. เครื่องมือการสำรวจบุคคลไร้สัญชาติ(ทุกคน)
  4. สำรวจในพื้นที่
  5. อบรมเชิงปฏิบัติการให้ข้อมูล SRH/ช่องทาง/ความรู้สิทธิ 1 วัน

 รายงานการดำเนินงานตามโครงการ                   

  1. ผลการดำเนินงานตามโครงการ
กิจกรรมตามโครงการที่ได้รับอนุมัติ วันที่ดำเนินกิจกรรม ผู้เข้าร่วม ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
1.1 ประชุมคณะทำงาน 21/4/2559 10 1,480
22/6/2559 15 1,780
1.2 การจัดทำ case conference 1/6/2559 15 1,880
20/6/2559 15 1,950
1.3 กิจกรรมของเครือข่ายในพื้นที่
1.3.1เครื่องมือการสำรวจบุคคลไร้สัญชาติ 1,909
1.3.2 สำรวจในพื้นที่ 8,400
1.3.3อบรมเชิงปฏิบัติการให้ข้อมูล SRH/ช่องทาง/ความรู้สิทธิ 1 วัน
1.3.3.1 พื้นที่ตำบลนาแวง 16/6/2559 36 3,240
1.3.3.2 พื้นที่ตำบลเขมราฐ 17/6/2559 33 3,200
1.3.3.3 พื้นที่ตำบลหัวนา 21/6/2559 31 3,200
1.4 ติดตามประเมินผล/เยี่ยมบ้าน/ปัญหาอุปสรรค (ค่าประสานงานและค่าอุปกรณ์) 960

ตารางที่ 1 สรุปกิจกรรมโครงการวันที่ดำเนินกิจกรรม จำนวนผู้เข้าร่วม และค่าใช้จ่าย

 

สรุปผลการดำเนินการ 

1.1 ประชุมคณะทำงาน

13511573_1018337911576643_545482920_n296166

ภาพ บรรายากาศการประชุมคณะทำงานโครงการพื้นที่อำเภอเขมราฐ

                   ประชุมคณะทำงานครั้งที่ 1 วันที่ 21 เมษายน 2559 ณ  สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเขมราฐ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี  มีคณะทำงานเข้าร่วมประชุมทั้งหมด 10 ท่าน ได้ร่วมกันทบทวนแผนงานการดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการ  จัดทำเครื่องมือสำรวจบุคคลไร้สัญญาติในพื้นที่( เครื่องมือ /รูปแบบวิธีการในการสำรวจ/การรวบรวมและการประเมินผล) และวางแผนการดำเนินกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการให้กับแรงงานหญิงลาว

                   ประชุมคณะทำงานครั้งที่ 2 วันที่ 22 มิถุนายน 2559 ณ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเขมราฐอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี  มีคณะทำงานเข้าร่วมประชุมทั้งหมด 15 ท่าน ได้ร่วมกันสรุปผลการดำเนินกิจกรรมที่ผ่านมา

  การจัดตั้งคณะทำงานและการประชุมคณะทำงานSRH ที่มาจากหลากหลายหน่วยงานในพื้นที่อำเภอเขมราฐ ส่งผลให้เกิดการมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการ มีการวิเคราะห์สถานการณ์กลุ่มเป้าหมาย  ร่วมกันคัดเลือกพื้นที่ดำเนินงาน แบ่งบทบาทการประสานงานกลุ่มเป้าหมายแรงงานหญิงลาวในพื้นที่และบทบาทในการดำเนินกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการ   โดยจากการดำเนินงานที่ผ่านมาเสนอแนะว่าควรเชิญบุคลากรจากด่านตรวจคนเข้าเมือง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้าร่วมเป็นคณะทำงานด้วย

 ประชุม Case management   

                   การประชุม case management เพื่อการเรียนรู้เชิงประจักษ์  โดยการจัดประชุม case management นี้มีกระบวนการดังนี้

  1. การประเมิน การคัดเลือก case : โดยทีม อสม. เยี่ยมบ้าน สำรวจข้อมูลแรงงานหญิงลาวและแลกเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพื่อจัดเตรียมกรณีศึกษา
  2. เชิญผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมประชุมทำความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำ case management และร่วมวางแผนการแก้ไขปัญหารายกรณี
  3. ผู้เข้าร่วมประชุมจะเป็นปากเป็นเสียง/สร้างทางเลือกและให้บริการที่เหมาะสมกับความต้องการทางสุขภาพของแต่ละบุคคลผ่านการสื่อสารการประสานงาน
  4. ผู้เข้าร่วมประชุมจะร่วมกันการค้นหาและจัดสรรหาทรัพยากร
  5. ผู้เข้าร่วมประชุมมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ในการอำนายความสะดวก/สนับสนุน การจัดการแก้ไขปัญหา

                   การจัดประชุม case management และการติดตามเยี่ยมบ้าน case ในพื้นที่ คณะทำงานได้ทำการวิเคราะห์ปัญหาของนางน้อย ( นามสมมติ) โดยมีการจัดประชุม 2 ครั้ง

                   กรณีศึกษา นางน้อย หญิงลาวอายุ 39 ปี มีลูกที่ประเทศลาวมาแล้ว 4 คน หลังจากหย่ากับสามีที่ประเทศลาว น้อยเดินทางมาอยู่น้องสาวที่ประเทศไทย และมีสามีคนไทยมีลูกอีก 2 คน  ลูกคนที่ 1 อายุปีกว่าแล้ว เด็กมีภาวะพิการ และไม่ได้รับวัคซีนตามกำหนด ขณะนี้ได้รับการรับการรักษาที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ลูกคนที่ 2 อายุประมาณ 7 เดือน มารับวัคซีนไม่สม่ำเสมอ ผลการดำเนินกิจกรรมดังนี้

 

ครั้งที่ 1 วันที่ 1 มิถุนายน 2559

สถานการณ์ปัญหา สุขภาพ / อนามัยเจริญพันธ์

–  การวางแผนครอบครัว  ไม่มีการคุมกำเนิด – ขาดสิทธิการวางแผน

–  การฝากครรภ์-ของหญิงลาว และการดูแลหลังคลอด

–  วัคซีนเด็ก

–  เด็กไม่ได้รับการส่งต่อหลังคลอดอย่างทันเวลา

–  ขาดความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพ ( หน้าอกไม่เท่ากัน  สุขอนามัยทั่วไป ติดสุราของแม่)

การเข้าถึงบริการ

–  แม่ไม่มารับบริการที่ รพ.

–  แม่ พ่อ ไม่พาเด็กมารับวัคซีนตามนัด

–  เด็กได้ย้ายสิทธิเพื่อรับบริการใน รพ. ใกล้บ้านแล้ว

หน่วยบริการสาธารณสุขขาดงบประมาณในการดูแลหญิงลาวที่ไม่มีสิทธิ เช่น การตรวจหลังหลอด การตรวจมะเร็งปากมดลูก การทำหมั่น และคุมกำเนิดทุกแบบ

 

 

 

สิทธิ

–   แม่ไม่มีบัตรไม่มีสิทธิใดๆในการรักษา

–   เด็กเป็นไทยมีสิทธิความเป็นไทยและกำลังดำเนินการเรื่องพิการ

ผู้เกี่ยวข้อง อสม. / รพสต. รพสต.
แนวทาง 1.    ให้แนวทางวิธีการคุมกำเนิด ข้อดี เสีย และให้เขาได้ตัดสินใจเลือกวิธีการที่เหมาะสม

2.    การตรวจมะเร็งปากมดลูก และตรวจภายใน

3.    ช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย โดยขอความอนุเคราะห์ จาก รพ. เขมราฐ

4.    ประเมินปัญหาสุขภาพ และอนามัยเจริญพันธุ์อื่นๆ เพิ่มเติม

1. ให้ข้อมูล case เพื่อการตัดสินใจเลือกวิธีการคุมกำเนิด

ทางเลือกที่ 1แบบชั่วคราว สามารถทำได้เลยที่ รพสต.

ทางเลือกที่ 2 แบบถาวร ต้องขอความอนุเคราะห์

2. ศึกษาเรื่องบัตรประกันสุขภาพ เพื่อให้คำแนะนำเรื่องการทำบัตร / บัตรประกันสังคม

เรื่องลูกคนที่ 1

1.ติดตามบัตรสวัสดิการผู้พิการเด็ก

โดยมีแนวทางคือ รพสต.ประสานกับ รพ. เขมราฐเพื่อขอหนังสือรับรองผู้พิการ ที่ พมจ.

2.เรื่องเบี้ยหยั่งชีพต้องยื่นก่อน พ.ย. 2559 จะได้รับการจัดสรร  ต.ค. 2560  ( โดยเทศบาลจะให้การอนุเคราะห์พาไปประสานงาน)

3.นมเด็ก : แนะนำให้เด็กลงชื่อเข้าเรียนศูนย์เพื่อให้ได้รับนมโรงเรียน

1.    จดทะเบียนสมรส ต้องมีเอกสารแสดงความเป็นลาว และจดทะเบียนที่สถานทูต ซึ่งมีกระบวนการหลายขั้นตอน มีการเดินทางไป-มา ไทยลาว รอบ ( มีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาท ระยะเวลาดำเนินงานประมาณ 1 ปี) จึงสิ้นสุดกระบวนการ

2.    ขอขึ้นทะเบียนต่างด้าวที่สำนักงานแรงงานจังหวัด ช่วงเดือนมีนาคม คชจ.ประมาณ 3,200 บาท แต่แรงงานจะต้องเข้าเมืองถูกกฎหมาย  ( ติดต่อ ตม. สถานีตำรวจเก่า และไปที่ รพ. เขมราฐ)  จดได้ก่อน 29 ก.ค.59 โทร สำนักงานจัดหางานจังหวัด 045 206226

ผู้รับผิดชอบ รพสต. โดย พี่หมู

น้องกวาง น้องแอน

อสม. มะลิวรรณ แลกเปลี่ยนประสบการณ์จริงการคุมกำเนิด วัคซีน สุขอนามัย

เรื่องนม  อสม.  ประสานกับกำนัน ช่วยเอื้ออำนวยในการประสานงาน เพื่อขอความอนุเคราะห์เป็นกรณีพิเศษ เข้าศูนย์เพื่อรับนม

ศึกษาข้อมูลเรื่องโรงเรียนผู้พิการ : หน่อย มสป.

บัตรคนพิการ : น้องแดง

หนังสือรับรองความพิการ พี่หมู

การทำบัตรสุขภาพ : น้องแอน

การประสานขอความอนุเคราะห์ คุมกำเนิด : พี่หมู

หน่อย แอน หาข้อมูลเพิ่มเติม และส่งต่อทีม สหวิชาชีพ

 

ครั้งที่ 2 วันที่ 20 มิถุนายน 2559 เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามแนวทางที่กำหนดไว้

สถานการณ์ ติดตาม

สุขภาพ / อนามัยเจริญพันธุ์

จากการประเมินความรู้เรื่องการป้องกันของนางน้อยและสามี พบว่า

–  น้อยมีประสบการณ์ใช้ยาคุมลาว 1 เม็ด/เดือน  น้อยรู้จักวิธีการใช้ถุงยางอนามัย

–  สามีใช้วิธีการหลั่งข้างนอก

–  น้อยไม่ต้องการคุมกำเนิดถาวรเพราะเกรงจะดูแลลูก 2 คนไม่ไหวเพราะการคุมกำเนิด

–  ดังนั้นนางน้อยและสามีเลือกวิธีการใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งมูลนิธิฯ ได้นำไปสนับสนุนแล้วจำนวน 100 ชิ้น

การเข้าถึงบริการ

–  สามีได้พาลูกมารับวัคซีนตามนัด

–  ปัจจุบันสามีไปทำงานต่างอำเภอ ทำให้น้อยอยู่กับลูกโดยลำพัง และมีคุณตาเจ้าของบ้านเช่าให้การจุนเจือ

–  รพ.สต. ได้ให้การช่วยเหลือเด็กเรื่องใบรับรองแพทย์แล้ว และได้ยื่นเอกสารขอรับเบี้ยหยั่งชีพ ซึ่งจะได้รับประมาณเดือนตุลาคม 2560

–  เรื่องนมเด็กพบว่าแม่และพ่อให้เด็กดื่มนมข้นหวาน เพราะไม่มีเงินซื้อนมผลให้ลูกกิน ต่อมาเด็กติดรสหวานและไม่กินนมผง แต่ชอบกินนมวัวแดงรสหวาน

–  เด็กมีอาการอาเจียนเมื่อกินอาหาร

–  อสม. ยังไม่ได้ติดตามเด็กเพื่อเข้าเรียนศูนย์เด็กเล็ก

สิทธิ

–   แม่ไม่มีบัตร ไม่มีสิทธิใดๆในการรักษา

–   เรื่องการทำบัตรแรงงานสำหรับแม่ (ประเมินว่าในปีนี้น้อยไม่มีเงินในการจัดการเอกสารทำบัตร และมีปัญหาเรื่องการเดินทาง ครอบครัวไม่มีรายได้ เพราะสามีตกงาน / มีงานทำไม่แน่นอน) ถึงแม้นว่าน้อยมีลูกที่เมืองลาว 3 คน / ทำงานที่ระยอง 1 คน และลูกๆ ส่งเงินมาให้น้อยใช้ แต่น้อยครั้ง โดย ครั้งสุดท้ายลูกฝากเงินผ่านน้องสาว แต่น้องสาวนำไปใช้จ่าย ทำให้น้อยไม่ได้รับเงิน  ตอนนี้น้อยและน้องสาวทะเลาะกัน

–   น้อยมีลูก 2 คน ที่ยังเป็นเด็กต้องการการดูแล  ถึงแม้นเด็กเป็นไทยตามบิดา  สามารถใช้สิทธิในการรักษาได้ฟรี แต่น้อยมีปัญหาเรื่องการเดินทาง และไม่มั่นใจตนเองในการพาลูกเข้ารับบริการสุขภาพที่ รพสต. เพราะน้อยไม่รู้หนังสือ

ผู้เกี่ยวข้อง อสม. / รพสต. รพสต.
แนวทาง ให้ข้อมูลเรื่องการคุมกำเนิด และการเข้าถึงบริการในครั้งต่อๆ ไปเพื่อให้พวกเขาสามารถพึ่งพาตนเองได้ อสม. / รพ.สต. นำเด็กและครอบครัวสมัครเรียนที่ศูนย์เด็กเล็ก และเจรจาเรื่องการรับนมโรงเรียนเพื่อลดค่าใช้จ่ายเรื่องนม

( ประสานงาน สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน 2559)

อสม. แนะนำเรื่องโภชนาการเด็ก

จนท.มูลนิธิฯ ให้ข้อมูลกับน้อยเรื่องบัตรประกันสุขภาพ และประเมินว่าลูกของน้อยสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่

                   โดยจัดการประชุม case management ทำให้คณะทำงานมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ปัญหาสุขภาพอนามัยเจริญพันธุ์แรงงานหญิงลาวอย่างเข้าใจบริบทและข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการสุขภาพของแรงงานหญิงลาวได้อย่างเข้าใจ ดังเช่นกรณีของนางน้อย ในเชิงโครงสร้างการดูแลสุขภาพของแรงงานหญิงลาว น้อยไม่มีสิทธิใดๆ ทำให้นางน้อยต้องเผชิญกับความยากลำบากเพราะน้อยเข้าเมืองอย่างไม่ถูกกฎหมายส่งผลต่อสิทธิการการคุ้มครองในด้านต่างๆ ทั้งการเดินทาง การรักษาพยาบาล การทำงาน ในระดับบุคคลพบว่าน้อยมีข้อจำกัดในการเข้าถึง เช่น ไม่มีบัตรใดๆในประเทศไทย น้อยอ่านหนังสือไม่ได้ ไม่มีอาชีพ ไม่มีรายได้ ทำให้น้อยอยู่ในสภาวะที่ต้องพึ่งพิงสามี เพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตามในบทบาทของแม่น้อยต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก 2 คน น้อยขาดอำนาจในการตัดสินใจ ขาดความมั่นใจในตนเองในการสื่อสารกับคนอื่นๆ ขาดคนรับฟังเรื่องราวของน้อย หลังจากที่ได้จัดประชุมกรณีศึกษาของน้อย ติดตามเยี่ยมบ้านน้อยโดยเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครชุมชน คณะทำงานหลายคนได้รับรู้สถานการณ์ปัญหา จากการรับฟังเรื่องราวของน้อยทำให้นางน้อยมั่นใจในการสื่อสาร การได้เล่าเรื่องราวต่างๆ ของตนเองทำให้น้อยผ่อนคลาย อีกทั้งยังเป็นการลดช่องว่างในการเข้าถึงบริการ เจ้าหน้าที่เข้าใจในบริบทของน้อย น้อยรู้จักเจ้าหน้าที่ในรพสต.  ทำให้น้อยมั่นใจในการไปรับบริการสุขภาพและขอรับคำปรึกษาเรื่องสุขภาพของตนเองและลูก น้อยได้ค้นพบช่องทางในการจัดการปัญหา มีการวางแผนการคุมกำเนิด การจัดการเรื่องบัตรประกันสุขภาพภายใต้ศักยภาพของตนเอง   การสนับสนุนจากหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อนบ้าน เจ้าของบ้าน และอสม.

 

  • กิจกรรมของเครือข่ายในพื้นที่
    • จัดทำเครื่องมือการสำรวจบุคคลไร้สัญชาติ
    • สำรวจในพื้นที่

กิจกรรมสำรวจพื้นที่ มีการรวบรวมข้อมูล 2 รูปแบบ คือ

  • รวบรวมข้อมูลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน จากสำนักทะเบียนอำเภอเขมราฐ
  • การจัดทำแบบสำรวจ โดย อสม. และ เจ้าหน้าที่ รพสต.

 

  • รวบรวมข้อมูลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน จากสำนักทะเบียนอำเภอเขมราฐ

โดยการรวบรวมข้อมูลเมื่อเดือนกรกฎาคม 2559 พบว่ามีผู้ไม่มีสถานในทะเบียนราษฎร์อาศัยอยู่ในพื้นที่ทั้งหมด 520 คน แยกเป็นเพศหญิง 334 คน และเพศชาย 186 คน  โดย 241 คน   อยู่ในพื้นที่ตำบลนาแวง  159 คน อยู่ในตำบลเขมราฐ และ 41 คน อยู่ในตำบลหัวนา ( ดังแผนภูมิด้านล่าง)

%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%871

แผนภูมิที่ 1 จำนวนผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์อำเภอเขมราฐแยกตามตำบล

โดยผู้ไม่มีสถานทางทะเบียนราษฎร์ส่วนใหญ่อยู่ในวัยแรงงาน วัยรุ่น และวัยชรา จากตารางพบว่า ประชากรวัยแรงงานที่มีอายุระหว่าง 21- 60 ปี มีจำนวน 343 คน รองลงมาคือวัยเด็กสู่วัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 10-20 ปี จำนวน 132 คน  และมากกว่า 60 ปี จำนวน 55 คน ดังแผนภูมิ ด้านล่าง

 

%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%872

แผนภูมิที่ 2 ผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์อำเภอเขมราฐ แยกตามช่วงชั้นอายุ

  • ข้อมูลการจัดทำแบบสำรวจ โดย อสม. และ เจ้าหน้าที่ รพสต.

                   การสำรวจข้อมูลแรงงานหญิงลาว ได้ทำการสำรวจแรงงานหญิงลาวที่อยู่ในชุมชนในช่วงเดือนมิถุนายน 2559  ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลโดยอสม. ติดตามโดยเจ้าหน้าที่ รพสต. และเจ้าหน้าที่สาธารสุขอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ได้ทำการจัดเก็บข้อมูลครัวเรือนจำนวนครัวเรือนละ 1 ชุด ในพื้นที่ตำบลนาแวง ตำบลเขมราฐ ตำบลหัวนา อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี  มีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 260 คน เป็นเพศชาย 6 คน และเพศหญิง 254 คน ซึ่งเป็นตัวแทนให้ข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานลาวที่อยู่ในครัวเรือน จากการจัดเก็บข้อมูลพบว่ามีข้อมูลแรงงานลาวจำนวน 325 คน แยกเป็นชาย 6 คน หญิง 319 คน ในจำนวนนี้ 144 คนไม่มีบัตรใดๆ รองลงมาถือบัตร  ทร 38/1จำนวน 112 คน  โดยแรงงานส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลนาแวง ตำบลเขมราฐ และตำบลหัวนาตามลำดับ ข้อมูลดังตารางที่ 2

 

ประเภทบัตร ต.เขมราฐ นาแวง หัวนา รวม
1.         passport 8 2 10
2.         ทร38/1 5 99 8 112
3.         บัตรแรงงาน 4 14 18
4.         บัตรลาวอพยพ 2 18 20
5.         ต่างด้าว 7 7
6.         นักเรียน/ ป.05 1 1 1 3
7.         ไม่มีบัตร 38 82 24 144
8.         ไม่ตอบ 1 1
9.         บัตรประชาคมของชาวบ้าน 2 2
10.     ใบสำรวจลาวอพยพ 2 2
11.     หนังสือผ่านแดน 1 1 2
12.     รับรองอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรกรณีพิเศษ 4 4
รวม 66 219 40 325

ตารางที่ 2 ข้อมูลประเภทการถือบัตร จากการสำรวจกลุ่มแรงงานลาวอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี

 

                   การศึกษา: ด้านการศึกษาพบว่าส่วนใหญ่เรียนจบในระดับประถมศึกษา จำนวน 123 คน รองลงมาจำนวน 89 คน ไม่ได้เรียนหนังสือ 37 คน เรียนจบในระดับมัธยม 4 คน เรียนหนังสือในระดับสูง และไม่ตอบแบบสำรวจจำนวน 7 คน

                   สถานภาพ : แรงงานหญิงลาวส่วนใหญ่แต่งงานแล้ว จากการตอบแบบสอบถามจำนวน 260 คน แต่งงานมีคู่สมรสแล้ว จำนวน 226 คน จำนวน 215 คนมีคู่เป็นคนไทย มีเพียง 28 คนที่มีคู่เป็นคนสัญชาติเดียวกัน

                   อาชีพ : แรงงานหญิงลาวประกอบอาชีพรับจ้างจำนวน 106 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรับจ้างภาคเกษตรในชุมชน รองลงมาคือเกษตรกร 101 คน ค้าขาย 7 คน ว่างงาน 7 คน อื่นๆ 4 คน และ ไม่ตอบ 3 คน

                   ระยะเวลาที่อาศัยในอำเภอเขมราฐ : แรงงานหญิงลาวส่วนใหญ่อาศัยในอำเภอเขมราฐ นานกว่า 5 ปี  โดยจำนวนมากถึง 228 คน อาศัยอยู่ในอำเภอเขมราฐระยะเวลา 6 ปีขึ้นไป มีเพียง  27 คน เท่านั้นที่อาศัยอยู่ในเขมราฐระหว่าง 0-5 ปี

                   รายได้ : แรงงานหญิงลาวส่วนใหญ่มีรายได้ระหว่าง 3,001-6,000 บาท จำนวน 89 คน รองลงมามีรายได้ระหว่าง 1-3,000 บาท จำนวน 80 คน รายได้ระหว่าง 6,001-9.000 จำนวน 21 คน รายได้ 12,000 บาท ขึ้นไป จำนวน 4 คน รายได้ระหว่าง 9,001-12,000 จำนวน 3 คน  รายได้ไม่แน่นอน 26 คน และไม่ตอบ 37 คน รายได้น้อยที่สุดคือจำนวน 200 บาท มากที่สุดคือจำนวน 15,000 บาท โดยจำนวน 160 คน ตอบว่ามีตนเองมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย  จำนวน 92 คน ตอบว่ามีรายได้เพียงพอกับรายได้ และจำนวน 8 คน ไม่ตอบคำถาม

 

แขวง จำนวน (คน)
1.       แขวงสะหวันนะเขต 141
2.       แขวงสาละวัน 43
3.       แขวงจำปาสัก 31
4.       นครหลวงเวียงจันทร์ 10
5.       แขวงอัตปรือ 8
6.       หลวงพระบาง 3
7.       แขวงคำม่วน 2
8.       แขวงคำไซ 1
9.       ชัยบุรี 1
10.   ปลากระดิ่ง  หริคำชัย 1
11.   เวียงไชหัวพัน 1
12.   ไม่ตอบ 14
13.   เกิดในประเทศไทย 4
รวม 260

ตารางที่ 3 ข้อมูลแหล่งที่มาจากประเทศลาว จากการสำรวจกลุ่มแรงงานลาวอำเภอเขมราฐ

 

               แหล่งที่มาจากประเทศลาว : จากการตารางด้านบนพบว่าส่วนใหญ่แรงงานหญิงลาวมาจากแขวงสะหวันนะเขต จำนวน 141 คน รองลงมาคือ แขวงสาละวัน 43 คน แขวงจำปาสักจำนวน 31 คน   นครหลวงเวียงจันทร์ 10 คน

               การเดินทางเข้ามาในประเทศไทยส่วนใหญ่เดินทางเข้าประเทศไทยคนเดียว จำนวน 78 คน  รองลงมาคือ มากับญาติ พี่น้อง 50 คน  มากับพ่อ แม่ จำนวน 33  คน มากับสามี 33 คน มากับเพื่อน 21 คน มากับครอบครัว 12 คน มากับลูก 5 คน เกิดในประเทศไทย 1 คน และไม่ตอบ 27 คน

                   เหตุผลที่เข้ามาในประเทศไทย : จากการสำรวจ 5 อันดับแรกพบว่า ส่วนใหญ่แรงงานหญิงลาวจำนวน 94 คน แต่งงานติดตามสามี รองลงมาคือทำงานหาเงิน 70 คน ติดตามพ่อแม่และครอบครัวจำนวน 15 คน มีครอบครัว 10 คน ขาดแคลน ยากจน 9 คน

                   การทำงานต่างถิ่น : จากการสำรวจ จำนวน 92 คน เคยทำงานต่างถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานรับจ้างใน กทม.  แรงงานหญิงลาวจำนวน 251 คน ไม่คิดที่จะย้ายกลับประเทศลาว โดยให้เหตุผลว่า มีครอบครัวในประเทศไทย มีลูก มีบ้าน อยู่ประเทศไทยมีความสุข ที่ประเทศไทยหางานทำง่ายกว่าประเทศลาว ส่วนคนที่สูงวัยบอกว่าต้องการอยู่กับลูกหลานที่ประเทศไทย  มีเพียง  6 คนเท่านั้นที่ต้องการย้ายกลับประเทศลาว โดยให้เหตุผลว่าคิดถึงบ้าน และรอให้ลูกเรียนหนังสือจบ

ส่วนที่ 4 ปัญหาเกี่ยวกับอนามัยเจริญพันธ์  เมื่อท่านเข้ามาอยู่ในเมืองไทย

1.ท่านเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือไม่

ต.เขมราฐ ต.หัวนา ต.นาแวง รวม ร้อยละ
เคย 5 2 7 3
ไม่เคย 51 39 147 237 91
ไม่ตอบ 7 1 8 16 6
รวม 63 40 157 260 100
 2.ท่านเคยมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่สมัครใจ
ต.เขมราฐ ต.หัวนา ต.นาแวง รวม ร้อยละ
เคย 4 5 9 3
ไม่เคย 53 40 144 237 91
ไม่ตอบ 6 8 14 5
รวม 63 40 157 260 100
3.ท่านเคยมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน (ใส่ถุงยางอนามัย) 
ต.เขมราฐ ต.หัวนา ต.นาแวง รวม ร้อยละ
เคย 15 8 30 53 20
ไม่เคย 40 32 119 191 73
ไม่ตอบ 8 8 16 6
รวม 63 40 157 260 100
 

 

 

4. ท่านเคยป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (หนองใน, ซิฟิลิส, ฯลฯ)
ต.เขมราฐ ต.หัวนา ต.นาแวง รวม ร้อยละ
เคย 1 2 4 7 3
ไม่เคย 54 37 145 236 91
ไม่ตอบ 8 1 8 17 7
รวม 63 40 157 260 100
5.ท่านเคยรับบริการการคุมกำเนิด (ถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิด ฯลฯ) 
ต.เขมราฐ ต.หัวนา ต.นาแวง รวม ร้อยละ
เคย 29 15 66 110 42
ไม่เคย 23 24 83 130 50
ไม่ตอบ 11 1 8 20 8
รวม 63 40 157 260 100
6.ท่านเคยใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ 
ต.เขมราฐ ต.หัวนา ต.นาแวง รวม ร้อยละ
เคย 25 6 12 43 17
ไม่เคย 29 34 137 200 77
ไม่ตอบ 9 8 17 7
รวม 63 40 157 260 100
7. ท่านเคยแท้งหรือไม่ 
ต.เขมราฐ ต.หัวนา ต.นาแวง รวม ร้อยละ
เคย ( แท้งเองโดยธรรมชาติ) 6 2 26 34 13
ไม่เคย 50 37 123 210 81
ไม่ตอบ 7 1 8 16 6
รวม 63 40 157 260 100
 

 

8.ท่านเคยมีประสบการณ์การถูกทำร้าย (ร่างกาย วาจา จิตใจ) หรือไม่

ต.เขมราฐ ต.หัวนา ต.นาแวง รวม ร้อยละ
เคย 2 11 69 5
ไม่เคย 56 38 138 183 89
ไม่ตอบ  7 8 8 6
รวม 63 40 157 260 100
ส่วนที่ 5 สิทธิแรงงาน  เมื่อท่านเข้ามาอยู่ในเมืองไทย ท่านเคยประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้หรือไม่ กรุณากาเครื่องหมาย X ให้ตรงกับประสบการณ์ของท่าน
10.ท่านทราบหรือไม่ว่า ประเทศไทยมีกฎหมายคุ้มครองแรงงานต่างชาติ 
ต.เขมราฐ ต.หัวนา ต.นาแวง รวม ร้อยละ
ทราบ 47 25 130 202 78
ไม่ทราบ 9 14 19 42 16
ไม่ตอบ 7 1 8 16 6
รวม 63 40 157 260 100
ส่วนที่ 6 การเข้าถึงการบริการสุขภาพ
11.ในรอบปีที่ผ่านมา ท่านเคยเจ็บป่วยหรือไม่
ต.เขมราฐ ต.หัวนา ต.นาแวง รวม ร้อยละ
เคย 30 29 93 152 58
ไม่เคย 28 11 56 95 37
ไม่ตอบ 5 8 13 5
รวม 63 40 157 260 100

 

จากการสำรวจ  โรคที่พบมาก 5 อันดับแรกได้แก่ ไข้หวัด 26 คน ความดันโลหิตสูง  9 คน โรคกระเพาะอาหาร 6 คน  วิงเวียน 3 คน โรคเบาหวาน 3 คน สำหรับโรคที่เกี่ยวกับอนามัยเจริญพันธุ์ที่พบได้แก่ มะเร็งเต้านม ปวดท้องเจ็บมดลูก ผ่าตัดมดลูก

12.ท่านเลือกรับการรักษาอย่างไร 
ต.เขมราฐ ต.หัวนา ต.นาแวง รวม ร้อยละ
รักษาเอง ซื้อยากินเอง 10 9 14 33 13
ไปหาหมอที่โรงพยาบาล 41 21 97 159 61
ไปคลินิก 4 2 28 34 13
ไม่รักษา 1 3 4 2
ไม่ตอบ 8 7 10 25 10
ทุกวิธี 5 5 2
รวม 63 40 157 260 100

 

13.ท่านใช้สิทธิอะไรในการรักษาพยาบาล
ต.เขมราฐ ต.หัวนา ต.นาแวง รวม ร้อยละ
บัตรประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว 6 5 43 54 21
บัตรประกันสังคม 1 4 5 2
กองทุนช่วยเหลือกรรมบาล 8 8 3
นายจ้างจ่ายให้ 1 1 0
ไม่มี 31 22 32 85 33
จ่ายเอง 19 7 26 10
 ไม่ระบุ 6 14 20 8
บัตร 30 บาท 1 1 0
อื่น 4 56 60 23
รวม 63 40 157 260 100

 

14.ท่านเคยรับบริการสุขภาพสาธารณสุขจากหน่วยงานรัฐ ด้านใดบ้าง
 (ตอบได้มากว่า 1 ข้อ)
 การใช้บริการ ต.เขมราฐ ต.หัวนา ต.นาแวง รวม ร้อยละ
ฝากครรภ์ 32 15 86 133 51
คลอด 31 12 64 107 41
ฉีดวัคซีน 35 13 81 129 50
คุมกำเนิด 31 9 80 120 46

 

1.3.3 กิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการให้กับแรงงานหญิงลาว

 

img_0863  ภาพ เจ้าหน้าที่ รพ.สต. ให้ความรู้เรื่องมะเร็งเต้านม

img_0568 ภาพ กิจกรรม เรียนรู้เพื่อความเข้าใจเรื่องอนามัยเจริญพันธ์ุ

img_0621 ภาพ  แกนนำหญิงลาวและแกนนำชุมชน เพื่อการดำเนินกิจกรรมเรื่องสุขภาพและอนามัยเจริญพันธุ์ในชุมชน

img_0736 ภาพ เจ้าหน้าที่ รพ. ให้ความรู้เรื่องโรคติดต่อและการป้องกัน

โดยการจัดกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการให้กับแรงงานหญิงลาวในชุมชนตำบลนาแวง  ตำบลเขมราฐ  และตำบลหัวนา อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี  รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 100 คน ดังนี้

พื้นที่ตำบลนาแวง  สถานที่ศาลากลางบ้านลาดเจริญ 16/6/2559 ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 36 คน
พื้นที่ตำบลเขมราฐ สถานที่ศาลากลางบ้านโชคชัย 17/6/2559 ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 33 คน
พื้นที่ตำบลหัวนา  สถานที่ศาลาวัดบ้านน้อยนาเหล่า 21/6/2559 ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 31 คน

เนื้อหากิจกรรมมุ่งเน้นเรื่องความรู้เบื้องต้นเรื่องอนามัยเจริญพันธ์ สิทธิขั้นพื้นฐาน การเข้าถึงบริการสุขภาพในพื้นที่ โดยการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน อาสาสมัครชุมชน ผู้ใหญ่บ้านมีบทบาทสำคัญในประชาสัมพันธ์ข้อมูล สามารถเข้าถึงแรงงานหญิงลาวรวมถึงการชักชวนแรงงานหญิงลาวที่อยู่ในพื้นที่ให้เข้าร่วมกิจกรรม  แรงงานหญิงลาวภาคเกษตรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชุมชน ถือบัตรประเภท ทร.38/1 บัตรลาวอพยพ passport บุคคลตกหล่น (ไม่ใช่คนไทยและลาว) และผู้ที่ข้ามดินแดนเข้ามาโดยใช้หนังสือผ่านแดนซึ่งปัจจุบันไม่มีบัตรใดๆ เข้ามาประเทศไทยและแต่งงานกับชายไทย มีลูกและตั้งรกรากในประเทศไทย ทำงานภาคเกษตรกรรมหรือรับจ้างใช้แรงงานในภาคเกษตรกรรม อาชีพเสริมคือหาของป่าเช่น เห็ด หน่อไม้

                   ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอนามัยเจริญพันธุ์ส่วนใหญ่เข้าใจว่าอนามัยเจริญพันธ์คือเพศสัมพันธ์  ทำให้เมื่อพูดถึงเรื่องเพศส่วนใหญ่จะอาย หัวเราะ แรงงานหญิงที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไปมีประสบการณ์คลอดเองที่บ้าน แรงงานหญิงลาวที่อายุต่ำกว่า 50 ปี หลายคนมีประสบการณ์ฝากครรภ์การคลอด การนำบุตรไปรับวัคซีนที่โรงพยาบาลและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชนใกล้บ้าน แรงงานหญิงจะรู้จักวิธีการคุมกำเนิดหลังจากมีลูกแล้ว ปัจจุบันแรงงานหญิงลาวจะไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลมากยิ่งขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายไม่แพงมาก อย่างไรก็หลังคลอดแม่ส่วนส่วนหนึ่งไม่นำเด็กไปฉีดวัคซีนตามนัดด้วยความเข้าใจว่าจะได้จ่ายเงินค่าบริการ (พบ 2 รายที่ชุมชนบ้านโชคชัย) ไม่รู้ว่าเด็กจะต้องได้รับวัคซีนเมื่อใดบ้าง ไม่รู้หนังสือจึงไม่สามารถศึกษาเอกสารด้วยตัวเองได้  ทางแก้ไขที่ผ่านมาคือ อสม. ค่อยเตือนเรื่องเวลานัด หรือพาเด็กในบริการที่ตนดูแลไปรับวัคซีน

ประเด็นการเข้าถึงการรักษา ในกลุ่มผู้มีบัตร ทร.38/1 กล่าวว่าตนเองได้สิทธิการรักษาเหมือนคนไทยเมื่อเจ็บป่วยจะไปโรงพยาบาลเขมราฐ และในกลุ่มคนที่มีสิทธิการรักษามักตั้งข้อคำถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างการรักษาเช่น ไปรักษาที่โรงพยาบาลได้จ่าย 30 บาท แต่ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชนจะได้จ่ายเงินค่ารักษาและค่ายาตามจริง

สำหรับแรงงานที่ไม่มีสิทธิใดๆ เมื่อเจ็บป่วยจะจ่ายเงินค่ารักษาเอง ถ้าไม่แพงมากจะจ่ายเต็ม หรือถ้าแพงก็จะต่อรองค่าใช้จ่าย หรือขอผ่อนจ่าย หรือขอรับสงเคราะห์จากฝ่ายสงเคราะห์ในโรงพยาบาล แรงงานที่ติดค้างใช้จ่ายกับโรงพยาบาลส่วนหนึ่งจะไม่กล้าไปขอรับบริการอีก เช่น กรณีคลอดแล้วค้างชำระทำให้ไม่ได้นำลูกไปแจ้งเกิดทำให้เด็กกลายเป็นเด็กตกหล่น หรือเจ็บป่วยแล้วเลือกไปซื้อยากินเอง

โดยภาพรวมแล้วแรงงานหญิงลาวให้ความสนใจกับกิจกรรม รู้สึกสนุกสนานในกิจกรรม รู้จักเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการทั้งเรื่องสุขภาพ และสิทธิ เมื่อมีปัญหาสามารถปรึกษาหารือได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบความสนใจของแรงงานหญิงลาว ส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญเรื่องสิทธิ การได้มาซึ่งสิทธิบุคคลมากกว่าสุขภาพ  แรงงานจะให้ความร่วมมืออย่าดีเมื่อมีประเด็นสิทธิเกี่ยวข้อง หลังจากการจัดอบรมได้มีตัวแทนแรงงานหญิงลาวในพื้นที่อาสาสมัครเป็นแกนนำจำนวน 5 คน (ต.นาแวง 3 คน / ต.เขมราฐ 1 คน / ต. หัวนา 1 คน )  วัตถุประสงค์ในการเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครเพื่อการพัฒนาศักยภาพและดำเนินกิจกรรมสำหรับแรงงานหญิงลาวคนอื่นๆ ต่อไปในอนาคต

ปัญหาที่พบจากการดำเนินกิจกรรมโครงการ

                   จากข้อมูลการสำรวจ มีจำนวนผู้ไม่มีสถานทางทะเบียนที่เป็นหญิงจำนวน 334 คน และมีแรงงานหญิงลาวไม่บัตรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อีกจำนวน 144 คน รวมประชากรแรงานหญิงลาวในพื้นที่จำนวน 478 คน ซึ่งแรงงานหญิงลาวในบางพื้นที่ส่วนหนึ่งไม่ให้ความร่วมมือในการสำรวจชุมชน เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบในทางที่ไม่ดีกับตนเอง อย่างไรก็ตามอาจเป็นได้ว่าคณะทำงานเองขาดการเตรียมความพร้อมให้กับเจ้าหน้าที่ อสม. ในการสำรวจแรงงานหญิงลาวในพื้นพี่

                   คณะทำงานมาประชุมไม่ครบตามจำนวน ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา การเปลี่ยนคนทำงานและผู้ประสานงานในการดำเนินกิจกรรมอนามัยเจริญพันธุ์สำหรับแรงงานหญิงลาวในองค์กรนั้นๆ ทำให้การเข้าร่วมกิจกรรมไม่ต่อเนื่อง การรับรู้ การสนับสนุนและการขับเคลื่อนไม่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในการทำงานเรื่องอนามัยเจริญพันธุ์สำหรับแรงงานหญิงลาวก็ได้รับการสนับสนุนจากส่วนงานสาธารณสุขทำให้งานเสร็จสิ้นตามกรอบเวลาที่ว่างไว้

                   ขาดการทำหลักสูตรการฝึกอบรม โดยกิจกรรมมีการกำหนดกรอบการดำเนินกิจกรรมให้กับแต่ละพื้นที่ได้ดำเนินการเพราะมีจุดมุ่งหมายให้เกิดการมีส่วนร่วมด้านการดำเนินกิจกรรมด้านอนามัยเจริญพันธ์ในกลุ่มแรงานหญิงลาว แต่ด้วยคณะทำงานที่มาจากหลายพื้นที่ และหลายส่วนงานทำให้เนื้อหาการจัดอบรมในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน     เช่น ประเด็นเรื่องสิทธิ โดยแรงงานพื้นที่นาแวงได้รับความรู้เรื่องสิทธิจากทหาร แรงงานพื้นที่หัวนาได้รับความรู้เรื่องสิทธิจากปลัด และแรงงานพื้นที่ตำบลเขมราฐได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ซึ่งแต่ละส่วนงานก็จะมีประเด็นเรื่องสิทธิที่ตนเองเข้าใจคนละมิติ

 

ข้อเสนอแนะ

  1. คณะทำงานอนามัยเจริญพันธุ์ควรมีตัวแทนจาก 1) ด่านตรวจคนเข้าเมือง 2) PCU 3) ตัวแทนแรงงานหญิงลาว จะทำให้การทำงานมีความครอบคลุม และสามารถประสานงานกับแรงงานหญิงลาวได้ง่ายขึ้น
  2. ควรมีการส่งต่อรายงานการประชุมให้หน่วยงานเป็นลายลักษณ์อักษร
  3. ควรมีการ update ข้อมูลแรงงานหญิงลาวเป็นประจำทุกปี
  4. การจัดทำอบรม ไม่ได้มีการทำประเมินก่อนหลัง ดังนั้น จึงควรจัดทำหลักสูตรให้ชัดเจน และมีทีมวิทยากรเพียง 1 ทีม เป็นวิทยากรสัญจรจะทำให้แรงงานได้รับความรู้ในเรื่องเดียวกัน

 การวางแผนงานต่อไปในอนาคต

  1. พัฒนาศักยภาพแกนนำแรงงานหญิงลาวที่อยู่ในพื้นที่ในการดำเนินกิจกรรมด้านสุขภาพและอนามัยเจริญพันธุ์
  2. ส่งเสริมให้แรงงานหญิงลาวเข้าถึงระบบริการสุขภาพใกล้บ้าน
  3. เสริมสร้างความเข็มแข็งของเครือข่ายคนทำงานด้านอนามัยเจริญพันธุ์ในพื้นที่
  4. รณรงค์สื่อสารสร้างความเข้าใจเรื่องการดูแลสุขภาพและอนามัยเจริญพันธ์ให้กับคนในพื้นที่

 

คณะทำงาน ประกอบด้วย

 

 

1.              นายวานิช  สายยืน      สาธารณสุขอำเภอเขมราฐ  

ประธานกรรมการ

2.      พ.ต.อ.อภิชาติ   สุขเลิศ  ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอเขมราฐ รองประธานกรรมการ
3.      นายชัยนเรศ   ยอดแตง   ปลัดอำเภอเขมราฐ รองประธานกรรมการ
4.      นางลัดดา   เจษฎาพานิช  นายกเทศมนตรีตำบลเขมราฐ กรรมการ
5.      นายกนกศักดิ์      เหมแดง นายกเทศมนตรีตำบลหัวนา กรรมการ
6.      นายอลงกต    แสวงสุข    นายกเทศมนตรีตำบลเทพวงศา กรรมการ
7.      นางกัญญาภัค กุลวงศ์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพสต. ม่วงเฒ่า กรรมการ
8.      นางสาวสุภาวดี อินทร์วิถี พยาบาลวิชาชีพ รพสต.ม่วงเฒ่า กรรมการ
9.      นายทอมสัน วงศ์สิม   ผอ.รพสต. นาแวง กรรมการ
10.  นางสาวจอมใจ ช่วยสุรินทร์   นักบริหารงานสาธารณสุข เทศบาลตำบลเขมราฐ กรรมการ
11.  นายวรพงศ์ หงษ์ทอง   นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ รพ.เขมราฐ กรรมการ
12.  นายสิรินทร์ทิพย์      แสงสว่าง     ผู้ประสานงานกลุ่มฟ้าสางที่ริมโขง กรรมการ
13.       นางศิริลดา ทรัพย์ศรี      อาสาสมัครชุมชนบ้านโชคชัย กรรมการ
14.       นายบุญถม    ชะนะกาล      เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการแบ่งปัน กรรมการ
15.       นางสาวลัดดา      ไวยวรรณ์    เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการแบ่งปัน กรรมการ และเลขานุการ
 16. นายเชาวลิต ครองยุติ เจ้าพนักงานสาธารณสุขชำนาญงาน หัวหน้าฝ่ายควบคุมโรคสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเขมราฐ กรรมการ และเลขานุการ