You Can Make a Differace of Children Life

 

จากการทำงานด้านเอดส์ การส่งเสริมศักยภาพของกลุ่มผู้ขาดโอกาสทางสังคม มีเรื่องเล่าที่หลากหลายแตกต่างกันไป  วันนี้จึงขอนำเสนอเรื่องเล่าของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับเชื้อเอชไอวี  กำพร้า และอยากมีอนาคตที่ดีขึ้น โดยใช้ชื่อสมมติว่า น้องปันปัน คะ

“หนูชื่อปันปันค่ะ ตอนนี้หนูอายุ 18 ปี น้องสาวของหนูอายุ 16 ปี และ 9 ปี หนูและน้องคนเล็กได้รับเชื้อเอชไอวีจากพ่อและแม่ พ่อและแม่หนูท่านเสียชีวิตแล้ว หนูและน้องสาวอีกสองคนได้รับการดูแลจากป้าและลุงซึ่งมีอาชีพทำนา ป้ามีลูกของตนเอง 1 คน หลังจากแม่หนูตายตอนนั้นหนูเรียนอยู่ชั้นระดับประถมศึกษาปีที่ 3 คนแถวบ้านและเพื่อนๆที่โรงเรียนต่างกล่าวถึงเรื่องของหนู หนูจึงต้องย้ายโรงเรียนไปเรียนนอกหมู่บ้านเพราะทนต่อสถานการณ์……ไม่ไหว แม้กระทั้งตอนนี้เพื่อนๆ ที่โรงเรียนมัธยมพวกเขายังไม่รู้ว่าพ่อแม่หนูเป็นอะไรตาย พวกเขาเคยถามหนูก็ได้ตอบไปว่า ท่านป่วยตาย แต่เขาก็พยายามถามอีกว่า ป่วยเป็นอะไรตาย หนูอึดอัดใจมากที่จะเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้

น้องของหนูชื่อ “ปันกัน” เขาเคยป่วยหนักเมื่อเขายังเด็ก และเขาจำความไม่ได้ แม้กระทั้งตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าตัวเขาเองป่วยด้วยโรคอะไร ไม่รู้ด้วยว่า ซีดี4 และไวรัสโหลดคืออะไร รู้เพียงต้องกินยาให้ตรงเวลาและไปหาหมอเป็นประจำ หนูคิดว่าสักวันหนึ่งเขาจะค่อยๆ รับรู้เรื่องเหล่านี้เหมือนกับหนู

ตั้งแต่ปี 2553 หนูมีโอกาสได้เข้าร่วมกลุ่มเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อเอชไอวีโดยมีพี่ๆจากมูลนิธิเพื่อสุขภาพและการแบ่งปันจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้เรื่องเอดส์ การป้องกัน เรื่องสุขภาพ ตอนนั้นมีเด็กมากกว่า 50 คน ที่เข้าร่วมกิจกรรมแต่มีเพียงหนูและเพื่อนเพียง 10 คนเท่านั้นที่อาศัยอยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี ตอนนี้พวกเรามีกิจกรรมร่วมกันมากว่า 7 ปีแล้วคะ พวกเราตั้งชื่อกลุ่มของตนเองว่ากลุ่ม “ปัน ปัน” มีความหมายว่า พวกเรามีแรงไว้แบ่งปัน เราจะดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรง เมื่อเรามีแข็งแรงเราจะสามารถแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ กลุ่มของพวกเรามีการคุยกันในประเด็นที่เป็นเรื่องเฉพาะเช่น คุณค่า เป้าหมายชีวิต ความฝัน ความหวัง ความรัก การกินยาและการดูแลสุขภาพโดยทั่วไป

หนูดูแลรักษาสุขภาพของตนเองเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้ระดับซีดี 4 หรือภูมิต้านทานของร่างกายลดลง หนูไม่อยากกินยาต้านไวรัส หนูไม่ชอบกินยา แต่เมื่อมิถุนายน 2558 หนูก็ตัดสินใจเริ่มรับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสและหนูก็แพ้ยา หนูกลัวและกังวลมาก หนูกลัวต่อสายตาของคนอื่นๆ ที่จับจ้องมาที่หนู  หนูจึงปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาและหยุดรับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสโดยที่หนูสัญญาว่าหนูจะรักษาสุขภาพของตนเองให้ดี

หนูมีฝันหลายๆ อย่าง หนูอยากเป็นเภสัช เป็นพยาบาลเป็นทหาร เป็นตำรวจ เพื่อนในกลุ่มของหนูอยากเป็นครู อยากเป็นสัตว์แพทย์ เพื่อนบางคนยังไม่รู้อยากเป็นอะไรรู้เพียงว่าอยากทางานที่ดี มีอนาคตที่ดี เพื่อน้องๆ เพื่อป้า เพื่อยาย คนที่เลี้ยงดูเรามาจนเติบใหญ่ แต่หนทางที่จะก้าวไปสู่ความฝันนั้นไม่ง่ายเลย

บางครั้งหนูรู้สึกน้อยใจกับชีวิตของตัวเอง อาชีพที่หนูอยากเป็นหนูไม่มีสิทธิแม้จะเข้าเรียน ด้วยหนูเกิดมาจนหรือหนูเป็นคนที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีกันแน่ จากที่เคยเชื่อว่า “คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้” คงจะไม่จริงเสียแล้ว อย่างไรก็ตามการที่หนูมีความหวังในชีวิตจะทำให้หนูอยากดูแลตัวเองต่อไป

ดังนั้นในวันหยุดหนูไปทำงานเสริฟ์ที่ร้านอาหารในอำเภอเพื่อเก็บเงินเป็นค่าสมัครสอบ ค่าเดินทาง ค่าอาหารและค่าที่พักระหว่างการสอบคัดเลือกเพื่อเรียนในสถานศึกษาที่ดีๆ หนูได้สิทธิเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยถึงสองแห่งแต่ความฝันหนูก็สลายไปเพราะป้าไม่มีเงินเพียงพอที่จะส่งเสียหนูได้เรียนในระดับสูงๆ

“หนูเชื่อว่าหนูทำได้ถ้าหนูมีโอกาส หนูอยากเติบโต หนูอยากเรียนรู้ และหนูอยากมีอนาคตที่ดีคะ”  ขอพระคุณคะ 

ตอนนี้หนูกำลังศึกษาในระดับปริญญาตรีคะ พี่ๆ มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการแบ่งปัน ได้ช่วยสานฝันให้กับหนู พี่ๆ ไปติดตามเยี่ยมบ้าน พูดคุยกับผู้ปกครอง จากเดิมที่ป้าไม่เห็นด้วยเพราะไม่มีกำลังในการส่งเสียเล่าเรียน เป็นยินยอมให้หนูได้เรียนต่อ โดยเราช่วยกันวางแผนการใช้เงินเพื่อการศึกษา 4 ปี   หนูใช้เงินส่วนหนึ่งจากเบี้ยหยั้งชีพที่ได้รับจากการอยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี ส่วนหนึ่งจากญาติๆที่ช่วยกันระดม ตอนนี้หนูกำลังทำเรื่องกู้ยืมจากรัฐบาลเพื่อการศึกษา  ในส่วนที่ไม่พอจ่ายมูลนิธิฯ ได้สมทบให้โดยเงินดังกล่าวได้มาจากการระดมทุนของมูลนิธิฯ คะ

หนูขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความกรุณา หนูสัญญาว่าหนูจะให้เงินอย่างรู้คุณค่า และเรียนให้จบคะ”

คุณสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตของเด็กๆ เหล่านี้ได้